รีวิวบรรยากาศกรุ๊ปเหมาเวียดนามกลาง 4 วัน 3 คืน Day 2

Day 2 มาแล้วว

มาต่อกันจากเมื่อวานครับ เป็นวันที่ 2 แล้ว จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลย

สวัสดีเช้าวันที่ 2 ที่เวียดนามนะครับ วันนี้พวกเราตื่นขึ้นมาพร้อมความสดใส (แม้ว่าอากาศจะไม่สดใสตามเราก็ตาม5555)

วันนี้พวกเรามีเวลาเที่ยวบนบาน่าฮิลล์อีกครึ่งวัน

วันนี้พวกเราเลยไปลุยกันที่สวนสนุกแฟนตาซี พาร์คกันครับ

สวัสดีเช้าวันที่ 2 ที่เวียดนามนะครับ วันนี้พวกเราตื่นขึ้นมาพร้อมความสดใส (แม้ว่าอากาศจะไม่สดใสตามเราก็ตาม5555) วันนี้พวกเรามีเวลาเที่ยวบนบาน่าฮิลล์อีกครึ่งวัน

วันนี้พวกเราเลยไปลุยกันที่สวนสนุกแฟนตาซี พาร์คกันครับ

หลังจากเดินเที่ยวกันได้สักพักเราก็เข้ามากันที่สวนสนุกแฟนตาซีพาร์คครับ เข้ามาแล้วได้ความรู้สึก 14 อีกครั้งเลยครับ ตื่นตาตื่นใจมากๆ

ทั้งพวกเราและคุณลูกค้าตื่นเต้นกันมากๆครับ และรูปนี้คือเราเตรียมตัวเข้าไปเล่นโรงหนัง 5D กันครับ

บรรยากาศข้างในจะมีให้นั่งบนม้าและมีปืนให้เราครับ วิธีการเล่นคือเขาจะให้เราใส่แว่นตา 5D และรับบนเป็นคาวบอยไล่ล่าโจรกันครับ สุดท้ายจะมีสกอร์ขึ้น (แต่ผู้เขียนได้เกือบโหลนะครับ5555)

หลังจากเล่นโรงหนัง 5D เสร็จเราก็ไปลุยกันที่รถปั้มกันต่อซึ่งผมจะไม่บรรยายนะครับ ให้ภาพมันเล่าเรื่องดีกว่า

เต็มอิ่มจากเครื่องเล่นกันแล้วก็ได้เวลาลงจากบาน่าฮิลล์กันสักที

หลังจากลงมาจากบาน่าฮิลล์กันแล้วก็ได้เวลามุ่งหน้าเข้าสู้เมืองเว้กันครับ

เมืองเว้ ตั้งอยู่ใจกลางของประเทศเวียดนาม อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเล 12 กิโลเมตร เป็นเมืองของ

กษัตริย์ในราชวงศ์เหวียน ซึ่งได้ปกครองต่อกันมาเพียง 33 ปี ฝรั่งเศสก็บุกเข้าโจมตีเมืองเว้ มาถึงปีพ.ศ.2488 ญี่ปุ่นก็เข้ามายึดครองบังคับให้พระเจ้าเบาได๋สละราชสมบัติ ต่อมาเมืองเว้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเวียดนามใต้ ตามการแบ่ง

ประเทศออกเป็น 2 ส่วน และได้เสื่อมสลายลงภายใต้การปกครองของโงดินห์เยียม เมืองเว้ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพราะมีแหล่งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เสน่ห์ที่ไร้กาลเวลาของสถาปัตยกรรมที่ล้ำค่ามีแบบฉบับของตนเอง และยังมีความงามตามธรรมชาติบนฝั่งแม่น้ำหอมด้วยครับ

แต่ก่อนจะเข้าเมืองเว้กันเราได้แวะมากินข้าวกันที่ ngọc trai lucky pearl ครับซึ่งเป็นภัตตาคารที่มีเจ้าของเป็นคนไทยครับนอกจากจะเป็นร้านอาหารแล้วยังเป็นฟาร์มไข่มุกอีกด้วยครับผม

บรรยากาศก่อนกินข้าวครับ หลังจากเที่ยวบนบาน่าฮิลล์กันจุใจแล้วก็ต้องเติมพลังงานกันให้เต็มที่ครับ หลังจากนี้จะเป็นภาพที่ไม่ควรดูตอนกลางคืนนะครับ ถ้าใครไหวไปชมกันน

หลังจากอิ่มกันแล้วก็มานั่งฟังบรรยายเกี่ยวกับไข่มุกกันครับ ซึ่งไม่ต้องกลัวว่าจะฟังไม่ออกครับเพราะวิทยากรที่บรรยายให้เราฟังพูดไทยได้ครับ ต้องบอกไว้ว่าตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเวียดนาม ส่วนใหญ่พูดไทยได้ครับ เพราะคนไทยมาเที่ยวเวียดนามกัน 90% เลยครับผม ฟังเสร็จก็ช๊อปปิ่งกันต่อเลยครับ มีผลิตภัณฑ์จากไข่มุกมากมายเลยครับ รวมถึงเปลือกหอยแบบนี้หาดูยากมากๆนะครับ เพราะบ้านเราต้องอนุรักษ์กันแล้ว

หลังจากช๊อปปิ้งกันเสร็จ ก็มุ่งหน้าสู่ วัดเทียนมู่ กันครับซึ่งวัดเทียนมู่นั้นภายในมีเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม 7 ชั้น แต่ละชั้นหมายถึงชาติภพต่างๆ ของพระพุทธเจ้า มีรูปปั้น

เทพเจ้า 6 องค์คอยปกป้องเจดีย์แห่งนี้ ภายในเจดีย์มีพระสังกัจจายน์ปิดทองพระพักตร์อิ่มเอิบกับพระพุทธอีกสามองค์อยู่ในตู้กระจกครับ และหลังจากนี้จะเป็นบรรยากาศภายในวัดเทียนมู่ ไปชมกันเลยย

ชมความสวยงามของวัดเทียนมู่กันเสร็จแล้ว ตอนออกมาก็เจอกับ 3 ล้อเต็มไปหมดเลยครับซึ่งไม่ต้องห่วงเลยวันนี้พวกเราได้นั่งแน่นอนครับ

หลังจากออกมาจากวัดเทียนมู่แล้วเราก็มุ่งหน้าไปที่พระราชวังเว้กันต่อเลยซึ่งใช้เวลาแปปเดียวก็ถึงเลยครับ การเข้าไปได้นั้นเราใช้วิธีเดินเข้ามา (เพราะรถบัสเข้าไม่ได้) ซึ่งเดินแปปเดียวก็ถึงเลยครับ เรามาฟังประวัติของพระราชวังเว้กันดีกว่าครับ

พระราชวังเว้ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ายาลอง ใช้เป็นที่รับรองเชื้อพระวงศ์ระดับสูงและนักการทูตต่างประเทศ สถานที่จัดงานฉลองสำคัญๆ ตกแต่งอย่างวิจิตรสวยงาม เพดาน เสา คาน ผนังตกแต่งด้วยน้ำมันครั่งสีแดงและลวดลายสีทอง มีตำหนักหลายหลัง อุทยาน วัด ศาลเจ้าของจักรพรรดิราชวงศ์เหวียน

หลังจากเดินออกมานิดหน่อย ก็มานั่งรถสามล้อซิโคล่ ชมบรรยายกาศโดยรวมของพระราชวังเว้ครับ

ออกมาจากตลาดดงบาได้เราก็มาล่องเรือมังกรชมแม่น้ำหอมกันต่อเลยครับ ซึ่งแหล่งกำเนิดของแม่น้ำหอมมาจากบริเวณต้นน้ำที่อุดมไปด้วยดอกไม้ป่าที่ส่งกลิ่นหอม เป็นแม่น้ำสายสั้นๆครับ บนเรือทางจะได้ชมการแสดงดนตรีพื้นบ้าน และนักร้องชาวเวียดนามที่จะมาขับกล่อมบทเพลงให้ทุกคนได้สนุกสนานกันครับ บรรยากาศสนุก วิวรอบๆก็สวยมากๆครับ หลังจากเสร็จทุกอย่าง เขาจะให้เราได้ลอยกระทงกัน เป็นกระทงกระดาษเล็กๆครับ และยังสามารถปล่อยสัตว์ได้อีกด้วย

เที่ยวกันเต็มอิ่มแล้วก็พักเติมพลังตอนเย็นกันครับ อาหารอร่อยมากกก โปรแกรมวันนี่ก็หมดลงแล้วครับ หลังจากนี้ก็พักกันตามอัธยาศัยแล้วครับ ซึ่งโรงแรมที่เราไปพักกันคือ midtown hotel ครับ ต้องขออภัยอีกครั้งนะครับที่ไม่ได้ถ่ายภาพมา หลับกันทันทีเลย5555 ขอใช้ภาพในอินเตอร์เน็ตประกอบนะครับผม บรรยากาศในห้องก็ประมาณนี้ครับ